ประเทศ Freljord คือสถานที่ๆไร้ความปราณีต่อผู้อาศัย นอกจากสภาพภูมิประเทศของประเทศ Freljord ตะเป็นที่ราบภูเขาที่มีหิมะและน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วบริเวณแล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นจุดกำเนิดพายุน้ำแข็งรุนแรงหลายๆชนิดอีกด้วย การเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ถือเป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพราะแม้กระทั่งผู้ที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตยังพลาดท่าจำต้องเสียชีวิตให้กับสิ่งแวดล้อมอันโหดร้ายนี้มากมายหลายคน พายุเพียงหนึ่งเดียวที่มีความรุนแรงมากกว่าพายุทั้งมวลที่ค้นพบในประเทศ Freljord มีชื่อเรียกว่า Gelid Vortex (เจลิด วอร์เทกซ์) ซึ่งเกิดขึ้นจากกระแสน้ำวนที่จับตัวกลายเป็นสะเก็ดน้ำแข็ง พายุนี้คือพายุน้ำแข็งที่หมุนวนอยู่ทางซีกโลกทางตอนเหนือของโลก Runeterra
ภาพของประเทศ Freljord
วัฒนธรรมของชาว Freljord:
ผลกระทบจากสงคราม The War of the Three Sisters (สงครามไตรภคินี) ที่กินเวลาหลายชั่วอายุคนได้แบ่งประเทศ Freljord ออกเป็นสามภูมิภาค ซึ่งแต่ละภูมิภาคต่างก็ถูกยึดครองโดยชนเผ่าเร่ร่อน ดังต่อไปนี้
- The Tribe of the Frost Archer (เผ่านักธนูน้ำแข็งเร่ร่อน) ซึ่งมี Ashe (แอ๊ช) เป็นผู้นำ
- The Tribe of the Ice Dervish (เผ่าผู้สรรเสริญความเย็น) ซึ่งมี Lissandra (ลิซซานดร้า) เป็นผู้นำ
- The Tribe of the Winter's Claw (เผ่ากรงเล็บแห่งฤดูเหมันต์) ซึ่งมี Sejuani (เซฮวนนี) เป็นผู้นำ
ทั้งสามเผ่านี้มักจะต่อสู้กันอยู่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าเหตุผลและจุดหมายของการต่อสู้จะถูกลืมไปจนหมดสิ้นแล้วก็ตาม ในปัจจุบัน เจ้าหญิงทั้งสามได้ตกลงทำพิธีแต่งตั้งพระราชาและราชินีขึ้นมา เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการรวมชาว Freljord และประเทศ Freljord ให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
สงครามทุ่งทุนดร้า:
ครั้งหนึ่ง Ashe ได้นำกองทัพนักธนูฝีมือฉกาจไปทำการต่อสู้กับเผ่าเร่ร่อนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนในกองทัพนี้ต่างก็เป็นสหายคนสนิทของเธอทั้งสิ้น... หลังจากต่อสู้ติดต่อกกันมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม สงครามก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายซึ่งเป็นช่วงที่กองทัพของเธอจำต้องต่อสู้กับศัตรูท่ามกลางพายุน้ำแข็งอันโหดร้าย... เมื่อพายุสงบลง เธอกลับพบว่า เธอเป็นผู้เดียวที่รอดชีวิตและกำลังยืนอยู่ท่ามกลางซากศพของเพื่อนพ้องและศพของเหล่าศัตรู เธอรอดตายมาได้เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ปกป้องเธอให้พ้นจากสะเก็ดน้ำแข็งที่มากับพายุ พลังเวทย์มนต์ที่ปกป้องตัวเธอในครั้งนั้นได้เปลี่ยนสีผมของเธอให้กลายเป็นสีของทุ่งทุนดร้า หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไป Ashe ก็ไม่เคยหยิบชุดฉลองชัยชนะสีขาวของชาว Freljord มาใส่อีกเลย
ภาพ Ashe ในชุดฉลองชัยชนะสีขาวของชาว Freljord
พันธมิตรครั้งใหม่:
แต่เดิมแล้ว เผ่า The Ice Dervish มีเจ้าหญิง Mauvole (เมาโวล) เป็นผู้นำ แต่เมื่อเธอได้สิ้นพระชนม์ลงในห้องบรรทมของตัวเองในเมือง Rakelstake (เรเคลสเตค) และได้ผ่านการวินิจฉัยจากผู้อาวุโสประจำเผ่าแล้วว่า การตายที่เกิดขึ้นไม่ใช่การฆาตกรรมแต่เป็นการตายแบบธรรมชาติ เจ้าหญิงคนใหม่นามว่า Lissandra จึงได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน
ผลงานชิ้นแรกของ Lissandra หลังจากที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ทำให้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของเธอต้องชะงักด้วยความประหลาดใจ ผลงานนั้นก็คือ การที่เธอได้ทำการสาบานเพื่อที่จะจงรักภักดีต่อ Ashe ผู้ที่เป็นเจ้าหญิงของอีกเผ่า... นอกจากนั้นแล้ว ในพิธีมอบมงกุฏของ Lissandra เธอยังได้กล่าวปราศัยโน้มน้าวให้ทุกๆคนภายใต้การปกครองของเธอเข้าใจว่า ในตอนนั้นคือเวลาอันสมควรแล้วที่ประเทศ Freljord จะต้องรวมอยู่ภายใต้ธงผืนเดียวกัน คำปราศัยของเธอได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากคนในเผ่า พร้อมทั้งยังได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้อาวุโสประจำเผ่าให้ดำเนินการๆรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตามที่ต้องการได้ในทันที
แต่ถึงกระนั้น เจ้าหญิง Sejuani จาก The Winter's Claw ยังคงต่อต้านการรวมตัวของ Lissandra และ Ashe อย่างดุดัน เธอได้แยกตัวออกไปจากประเทศ Freljord อย่างเงียบๆพร้อมกับผู้อาวุโสประจำเผ่าของเธอ ซึ่งการกระทำนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับอีกสองเผ่าที่เหลือเป็นอย่างมาก เพราะพวกเค้าต่างเกรงว่า Sejuani กำลังเตรียมตัวที่จะประกาศสงคราม
หลายสัปดาห์ผ่านไป ชาว Freljord ต่างตื่นตกใจเมื่อคนเถื่อนหลายร้อยคนซึ่งนำโดย Tryndamere (ทรินเดอเมีย) ปรากฏตัวขึ้นในประเทศ Freljord เพื่อไว้อาลัยแก่การจากไปของเจ้าหญิง Mauvole แห่งเผ่า The Ice Dervish Ashe เจ้าหญิงแห่งเผ่า The Frost Archer ก็ร่วมเดินอยู่ในขบวนคนป่านี้ด้วยเช่นกัน เธอและ Tryndamere ได้เข้าร่วมรับประทานอาหารเย็นกับเจ้าหญิง Lissandra เป็นการส่วนตัวอีกด้วย
หลายๆ คนคาดเดาว่า การมาของเหล่าคนเถื่อนในครั้งนี้ คือความคิดของ Ashe เธอชักชวนให้ Tryndamere มาร่วมไว้อาลัยเพื่อที่จะใช้เหล่าคนป่าเป็นตัวกันไม่ให้เจ้าหญิง Sejuani กระทำการอุกอาจ ในขณะเดียวกัน การเดินทางมาของ Tryndamere ก็ไม่ใช่การเดินทางที่ไร้จุดหมายเสียทีเดียว เพราะตัว Tryndamere เองก็มีความต้องการส่วนตัวที่จะทำการเจรจาเกี่ยวกับโอกาสที่จะมีผลประโยชน์ร่วมกันกับเจ้าหญิงทั้งสองอยู่ด้วย
หลังจากการประชุมที่กินเวลาถึงสองสัปดาห์สิ้นสุดลง Ashe จึงได้ตอบตกลงข้อเสนอจาก Tryndamere โดยเธอตกลงที่จะรวมกำลังพลของเธอและเหล่าคนป่าเข้าด้วยกัน การตัดสินใจในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสมาชิกทั้งสองเผ่าของเธอ
ภาพ Treyndamere หัวหน้ากลุ่มคนเถื่อน
การเปลี่ยนสถานะเป็นประเทศอย่างเป็นทางการ:
หลังจากที่สมาชิกของสภาสูงนามว่า Vessaria Kominye (วาซซาเรีย โคมินีย์) ได้ทำการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศ Freljord อยู่พักใหญ่ เธอจึงตัดสินใจทำการแถลงมอบอำนาจอธิปไตยให้แก่ประเทศ Freljord พร้อมทั้งอธิบายสิทธิและบทป้องกันจากกฎหมายที่ประเทศ Freljord จะได้รับจากการมอบอำนาจในครั้งนี้ การประกาศมอบอำนาจในครั้งนี้ได้ทำให้ประเทศ Freljord กลายเป็นประเทศที่แปดในเครือขององค์กรณ์ League of Legends อย่างเป็นทางการ (แต่ประเทศ Freljord ยังไม่สามารถเข้าแข่งขัน League of Legends ได้)
นอกจากนั้นแล้ว การเปลี่ยนสถานะยังช่วยเปิดโอกาสให้ประเทศ Freljord ได้ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อองค์กรณ์ League of Legends เกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองในอดีตอีกครั้ง ปัญหาที่ว่าก็คือ การที่ประเทศ Freljord พยายามที่จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรณ์ League of Legends เพื่อที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะในขณะนั้นประเทศ Freljord ยังไม่มีจำนวนผู้อาศัยมากเพียงพอตามที่กำหนด อีกทั้งยังไม่มีระบบการปกครองที่แน่ชัด แต่ในปัจจุบัน การที่ Ashe ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นของผู้นำเผ่าของชาว Freljord ถึงสองเผ่า พร้อมทั้งการที่เธอได้ผนึกกำลังกับ Tryndamere และเหล่าคนเถื่อน ได้ช่วยเปลี่ยนความคิดเห็นของสภายุติธรรมจนทำให้ประเทศ Freljord สามารถเข้าร่วมการแข่งขัน League of Legends ได้ในที่สุด
เนื่องจากการเปลี่ยนสถานะในครั้งนี้ทำให้ประเทศ Freljord มีที่นั่งอยู่ในองค์ประชุมขององค์กรณ์ League of Legends ประเทศ Freljord จึงต้องคัดเลือกและส่งผู้ส่งสาส์นให้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ Institute of War เพื่อที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ Freljord ในการออกเสียงในที่ประชุม
ราชินีและราชาแห่งประเทศ Freljord:
หลังจากการแถลงมอบอธิปไตยโดย Kominye จบลง ชาว Freljord ทั้งสองเผ่าได้ทำการแต่งตั้ง Ashe ให้เป็นราชินีแห่งประเทศ Freljord ในทันที การแต่งตั้งในครั้งนี้ทำให้ Ashe กลายเป็นเจ้าหญิงคนแรกที่ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ในฐานะราชินีของประเทศ Freljord หลังจากที่สงคราม The War of the Three Sister ได้สิ้นสุดลงเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว
ตามประเพณีของชาว Freljord แล้ว ราชินีจะเป็นผู้เลือกพระราชาด้วยตัวเอง ซึ่ง Ashe ได้ทำการเลือก Tryndamere ให้เป็นพระราชาขึ้นครองราชย์คู่กับเธอ Ashe ให้เหตุผลในการเลือก Tryndamere เป็นพระราชาว่า การตัดสินใจของเธอมาจากความต้องการของชาว Freljord ทุกคน และไม่เกี่ยวกับเรื่องเชิงชู้สาวใดๆทั้งสิ้น เธอยังกล่าวเสริมอีกว่า การครองราชย์ร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นเสริมความแข็งแกร่งของพันธมิตรระหว่าง Freljord กับเหล่าคนเถื่อนให้มั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนั้นแล้ว Ashe ยังสร้างความประหลาดใจอีกหนึ่งครั้งให้กับชาว Freljord โดยการแต่งตั้ง Nunu (นูนู่) ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งใน champion ขององค์กรณ์ League of Legends ให้เป็นผู้ส่งสาส์นตัวแทนของประเทศ Freljord และให้ประจำการอยู่ที่ Institute of War
ในเวลาต่อมา Ashe ได้ทำการยื่นข้อเสนอให้เจ้าหญิง Sejuani ผู้นำของเผ่า The Winter's Claw ที่แยกตัวออกไปจากประเทศ Freljord ให้กลับมารับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาในสภาของประเทศ แต่ทว่า Sejuani กลับปฏิเสธ เพราะเธอไม่มีวันจะยอมรับ Ashe เป็นราชินีของเธออย่างเด็ดขาด เธอยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ผู้ที่ยอมรับ Ashe ในฐานะราชินีคือผู้ที่กำลังเข้าข้างคนผิด อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของ Sejuani ไม่มีพลังมากพอที่จะโน้มน้าวแม้กระทั่งคนในเผ่าของเธอได้ ซึ่งเห็นได้จากการที่สมาชิกชนเผ่า The Winter's Claw หลายร้อยคนเดินทางไปยังเมือง Rekelstake เพื่อร่วมพิธีราชินีภิเษกของ Ashe
ในพิธีราชินีภิเษกนี้ Nunu ได้ตอบรับตำแหน่งผู้ส่งสาส์นของประเทศ Freljord อย่างภาคภูมิใจ โดยมีกองทัพ Yeti (เยติ) ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยเห็น มาร่วมเป็นสักขีพยานอีกด้วย ทางด้านฝูงคนเถื่อนเองก็ได้ย้ายเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในประเทศ Freljord และมีโอกาสได้เห็นการทำพิธีราชาภิเษกที่จัดขึ้นให้แก่พระราชาของพวกเค้า Tryndamere ต้อนรับเหล่าคนเถื่อนอย่างอบอุ่นพร้อมทั้งยังประกาศให้คนของเค้ารู้ว่า ในขณะนี้ พวกเค้ามีสิทธิ์มีเสียงในแผ่นดิน Valoran เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และต่อไปนี้ ผู้คนจะมองคนเถื่อนอย่างพวกเค้า จากตัวตนที่พวกเค้าเป็นอยู่จริงๆ ซึ่งก็คือ เหล่านักรบผู้มีเกียรติและสง่างาม
ภาพ Ashe หลังจากได้รับตำแหน่งราชินี
ภาพ Tryndamere หลังจากได้รับตำแหน่งราชา
ความสัมพันธ์กับประเทศ Noxus:
ในขณะนี้ การปกป้องทางกฎหมายจากองค์กรณ์ League of Legends ได้ขยายไปถึงประเทศ Freljord และเหล่าคนเถื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเทศ Noxus (น๊อกซัส) จึงจำต้องออกคำสั่งถอนกำลังและยกเลิกแผนการปราบเหล่าคนเถื่อนทางภาคเหนือโดยเร็ว ซึ่ง Katarina (คาตาริน่า) เป็นผู้ส่งมอบคำสั่งนี้ด้วยตัวของเธอเอง เธอกล่าวว่า แม้ประเทศ Noxus คือประเทศที่ยึดถือกฎขององค์กรณ์ League of Legends เป็นใหญ่ แต่ชาว Noxus จะไม่มีวันให้อภัยการกระผิดของเหล่าคนเถื่อนเหล่านี้อย่างแน่นอน Katarina หวังที่จะได้ต่อสู้กับชาว Freljord รุ่นใหม่บน Fields of Justice เร็วๆนี้ (ฟิล์ด ออฟ จัสติส, สถานที่ๆใช้ทำการแข่งขัน League of Legends อย่างเช่น Summoner's Rift และ The Twisted Treeline)
ความสัมพันธ์กับประเทศ Demacia:
ประเทศ Demacia (เดอมาเซีย) และเหล่าผู้ที่ปกครองประเทศ Freljord ในขณะนี้ ต่างก็เคยมีประวัติเกี่ยวกับความบาดหมางซึ่งกันและกัน แต่ถึงกระนั้น ปัญหาความขัดแย้งที่ทั้งสองประเทศมี ก็ไม่สาหัสเท่ากับความขัดแย้งที่ประเทศ Freljord มีต่อประเทศ Noxus
ทั้ง Ashe และ Tryndamere ต่างก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเพราะความเป็นกลางของประเทศ Demacia มาแล้ว ในระหว่างที่แผนการปราบปรามเหล่าคนเถื่อนทางภาคเหนือกำลังดำเนินอยู่ ประเทศ Demacia ได้ปฏิเสธที่จะรับผู้ลี้ภัยจากประเทศ Freljord ซึ่งส่งผลให้เหล่าผู้ลี้ภัยต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่เหตุผลที่ประเทศ Demacia ตัดสินใจทำแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะว่า ที่อยู่อาศัยทางตอนเหนือของชาว Demacia ก็มักที่จะถูกเหล่าคนเถื่อนทำการปล้นสดมอยู่หลายครั้งเช่นกัน... เพื่อที่จะประสานช่องว่างแห่งความไม่ไว้วางใจที่ถูกเปิดทิ้งไว้หลายทศวรรษ ทั้งสองประเทศยังมีงานทางการฑูตอีกมากมายที่จะต้องทำ
0 Comment